วันจันทร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

           วันลอยกระทง



        วันลอยกระทง เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของชาวไทย ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติไทย ตามปฏิทินจันทรคติล้านนา มักจะตกอยู่ในราวเดือนพฤศจิกายน ตามปฏิทินสุริยคติบางปีเทศกาลลอยกระทงก็จะมาตรงกับเดือนตุลาคมด้วย เช่นปีพ.ศ. 2544วันลอยกระทงปีนั้นตรงกับวันที่31ตุลาคมและจะมาตรงกันอีกครั้งในปีพ.ศ. 2563 ประเพณีนี้กำหนดขึ้นเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์และขอขมาต่อพระแม่คงคา บางหลักฐานเชื่อว่าเป็นการบูชารอยพระพุทธบาทที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมทามหานที และบางหลักฐานก็ว่าเป็นการบูชาพระอุปคุตอรหันต์หรือพระมหาสาวก สำหรับประเทศไทยประเพณีลอยกระทงได้กำหนดจัดในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่ติดกับแม่น้ำ ลำคลอง หรือ แหล่งน้ำต่าง ๆ ซึ่งแต่ละพื้นที่ก็จะมีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจแตกต่างกันไป นอกจากนี้บางประเทศก็มีเทศกาลลอยกระทงด้วย เช่น ประเทศลาวมักจะลอยกระทงในวันออกพรรษา(ขึ้น15ค่ำ เดือน11)ในงานไหลเฮือไฟของลาว ประเทศกัมพูชา มีการลอยกระทง 2 ครั้ง คือลอยกระทงของหลวงกลางเดือน 11 ส่วนราษฎรทำกระทงเล็กและบรรจุอาหารไปด้วย ส่วนกลางเดือน 12 จะมีกระทงของหลวงเป็นกระทงใหญ่ ราษฎรจะไม่ได้ทำและกระทงนี้จะมีอาหารบรรจุลงไปด้วย โดยมีคติว่าเพื่อส่งส่วนบุญไปให้เปรต เทศกาลน้ำจะมีการเฉลิมฉลองด้วยการแข่งเรือยาว การแสดงพุลดอกไม้ไฟ จัดขึ้นทุกปีตั้งแต่วันขึ้น 14 ค่ำ 15 ค่ำ จนถึงแรม 1 ค่ำ เดือนพฤศจิกายน ประเทศเมียนมาร์ ในวันลอยกระทง ผู้คนจะพากันทำ "กระทง" ตกแต่งเป็นรูปคล้ายดอกบัวบาน ปักธูปเทียน และนิยมตัดเล็บ เส้นผม หรือใส่เหรียญกษาปณ์ลงไปในกระทง แล้วนำไปลอยในสายน้ำ (ในพื้นที่ติดทะเล ก็นิยมลอยกระทงริมฝั่งทะเล) เชื่อว่าเป็นการลอยเคราะห์ไป นอกจากนี้ยังเชื่อว่าการลอยกระทง เป็นการบูชาและขอขมาพระแม่คงคา

ประวัติ[แก้]

พลุเฉลิมฉลองในเทศกาลวันลอยกระทงริมแม่น้ำเจ้าพระยา
ประเพณีลอยกระทงเป็นประเพณีโบราณของอินเดียที่ประเทศไทยรับเข้ามาปฏิบัติ แต่ไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่า ทำกันมาตั้งแต่เมื่อไร เท่าที่ปรากฏกล่าวได้ว่ามีมาตั้งสมัยสุโขทัยเป็นราชธานี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสันนิษฐานว่า เดิมทีเดียวเห็นจะเป็นพิธีของพราหมณ์กระทำเพื่อบูชาพระผู้เป็นเจ้าทั้งสาม คือ พระอิศวร พระานารายณ์ และพระพรหม ต่อมาได้ถือตามแนวทางพระพุทธศาสนามีการชักโคมเพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุพระจุฬามณีในชั้นดาวดึงส์ และลอยโคมเพื่อบูชารอยพระพุทธบาท ซึ่งประดิษฐาน ณ หาดทรายแม่น้ำนัมมทา (แม่น้ำนัมมทา เป็นแม่น้ำที่คู่ขนานกับทิวเขาวินธัย ไหลลงภาคตะวันตกของอินเดียแบ่งเขตอินเดียออกเป็นภาคเหนือและภาคใต้) ตำนานที่หาหลักฐานยืนยันมิได้ กล่าวไว้ว่าในรัชสมัยพ่อขุนรามคำแหง มีนางนพมาศหรือท้าวศรีจุฬาลักษณ์ เป็นผู้ประดิษฐ์กระทงขึ้นครั้งแรก โดยแต่เดิมเรียกว่าพิธีจองเปรียง ที่ลอยเทียนประทีป และนางนพมาศได้นำดอกโคทม ซึ่งเป็นดอกบัวที่บานเฉพาะวันเพ็ญเดือนสิบสองมาใช้ใส่เทียนประทีป[ต้องการอ้างอิง] ดังปรากฏในตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์กล่าวถึงพระดำรัสของพระร่วงว่า "แต่นี้สืบไปเบื้องหน้า โดยลำดับกษัตริย์ในสยามประเทศ ถึงกาลกำหนดนักขัตฤกษ์ วันเพ็ญเดือน 12 ให้ทำโคมลอยเป็นรูปอดกบัว อุทิศสักการบูชาพระพุทธบาทนัมมทานทีตราบเท่ากัลปาวสาน แต่ปัจจุบันมีหลักฐานว่าไม่น่าจะเก่ากว่าสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยอ้างอิงหลักฐานจากภาพจิตรกรรมการสร้างกระทงแบบต่างๆ ในสมัยรัชกาลที่1 จากนั้นในสมัยรัชกาลที่2 ได้เปลี่ยนแปลงจากการทำจากดอกบัวเป็นต้นกล้วยเพราะดอกบัวดังกล่าวหายากและมีน้อยจึงใช้ต้นกล้วยทำแทนแล้วดูไม่สวยจึงใช้ใบตองมาพับแต่งจนสวยในที่สุดจนสืบทอดมาจนปัจจุบันนี้
มินเนี่ยน





มินเนียน สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว ตัวสีเหลือง พวกเขาวิวัฒนาการขึ้นมาจากเซลล์เล็กๆ เพียงเซลล์เดียวตั้งแต่อดีตกาล พวกเขาทั้งเล็ก แถมมีนิสัย และรูปแบบการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขามีเหมือนกัน คือพวกเขาต้องการรับใช้จอมวายร้ายสุดแสบทุกราย แต่ให้หลังจากการทำลายหัวหน้าของพวกเขาสารพัด ไม่ว่าจะเป็น ทีเร็กซ์ เจงกีส ข่าน นโปเลียน และแดรกคูลา พวกเขาตัดสินใจที่จะหลีกหนีความวุ่นวายและทำให้หายไปจากโลกนี้ด้วยการไปใช้ชีวิตตามลำพังที่แอนตาร์กติกา
แต่พวกเขากลับพบว่า เมื่อไปใช้ชีวิตแบบนั้นมันทำให้พวกเขาไม่มีความสุขในชีวิตเลย ในปี 1968 (42 ปี ก่อนพบเฟลูเนียส กรู) เควิน หนึ่งในมินเนียนได้ตัดสินใจที่จะออกเดินทางค้นหาจอมวายร้ายเพื่อคืนความสุขให้กับพวกมินเนียนอีกครั้ง เขาตัดสินใจรวมทีมกับ สตวร์ท มินเนียนแรกหนุ่ม และ บ็อบ เด็กน้อยผู้น่ารัก เพื่อร่วมออกเดินทางในครั้งนี้ด้วย จนกระทั่งไปพบกับ สการ์เล็ต โอเวอร์คิลล์ (ซานดรา บุลล็อก) จอมวายร้ายหญิงยอดนิยมในยุคนั้นภายในงานชุมนุมจอมวายร้าย 1968 สการ์เล็ต ตัดสินใจจ้างทั้งสามคนเข้าทำงานในฐานะลูกสมุนใหม่ แต่ความปั่นป่วนของลูกสมุนชุดนี้ ทำให้สการ์เล็ตแอบวางแผนอะไรบางอย่างโดยที่พวกเขาไม่รู้ในระหว่างการเดินทางรอบโลกจนกระทั่งถึงที่หมายสุดท้ายคือ ลอนดอน ที่ๆ พวกเขาจะได้รับใช้สการ์เล็ตในครั้งสุดท้าย ก่อนจะถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จนสิ้นซาก

นักพากย์




เกาะเสม็ด





เกาะเสม็ด เที่ยวเกาะเสม็ด ที่พักเกาะเสม็ด

        เกาะเสม็ด ห่างจากฝั่งบ้านเพ ประมาณ 6 กม. ใช้เวลานั่งเรือไปยังเกาะเสม็ดประมาณ 30 นาทีถึง ท่าเรือหน้าด่าน บนเกาะเสม็ด จากนั้น นักท่องเที่ยวสามารถเลือกเดินทางโดยรถสองแถว หรือ เช่ามอเตอร์ไซค์ ไปแต่หาด เช่นอ่าวน้อยหน่า อ่าวลูกโยน หาดทรายแก้ว อ่าวไผ่ อ่าวทับทิม อ่าวช่อ อ่าวตะวัน อ่าววงเดือน อ่าวเทียน อ่าวหวาย อ่าวกิ่ว อ่าวกะรังซึ่งอยู่ปลายสุด และที่พลาดไม่ได้กับอ่าวพร้าว เป็นเพียงอ่าวเดียวที่อยู่ตะวันตกของเกาะเสม็ด สามารถชมพระอาทิตย์ตกได้ที่ อ่าวพร้าวแห่งนี้.
การเดินทางไปเกาะเสม็ดนั้น ไม่ยุ่งยากเหมือนเมื่อก่อน นักท่องเที่ยวควรสำรองที่พักไว้ล่วงหน้า มิฉะนั้นคงเสียเวลากะเตงกระเป๋าไปหาห้องพักเหนื่อยแน่ แต่ละหาดอยู่ห่างไกลกันมากทีเดียว
สำหรับผู้ที่มีเวลามากหน่อย ผมมีเกาะฝาแฝดกับเกาะเสม็ด แนะนำ เกาะช้าง เกาะกูด และ เกาะหมาก ความเป็นธรรมชาติจะมีมากกว่า
คนไทยแล้วจากสถิติ อายุ 25+ ชอบ หัวหินมากกว่า อาจเป็นเพราะเบื่อนั่งเรือ มีรถยนต์อยู่เดินทางสะดวกหน่อย ขับรถปู๊ดเดียวถึงหัวหินเลย แต่ยังไงเกาะเสม็ดก็ยังเป็นขวัญใจวัยรุ่น 17-20 ต้นอยู่เลือกราคาถูกเข้าว่า ชอบเฮอา ไม่เน้นบริการ
โปรแกรมทัวร์เกาะเสม็ด ที่จะพาทุกคนไปยังแหล่งท่องเที่ยวภายในเกาะเสม็ด พร้อมกับล่องเรือ ดำน้ำ ดูปะการัง ในบริเวณรอบๆหาดต่างๆ โดยมีโปรแกรมทัวร์ดังนี้
ผมทำลิงค์ไว้เฉพาะสำหรับเรื่องราวต่างๆ บนเกาะเสม็ด ท่านสามารถติดต่อสอบถามได้ใน comments หรือ review ด้านล่างในแต่ละ page ข้างล่างนี  

วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559


เข้าค่ายลูกเสือ




          การเข้าค่ายลูกเสือ เป็น การฝึกทักษะการใช้ชีวิตแบบเข้าค่าย  
ในการเข้าค่ายครั้งนี้ ทำให้ได้ฝึก การใช้ชีวิตเข้าค่ายและยัง ได้เพื่อนจากต่างห้อง 
และได้ทำกิจกรมมร่วมกับห้องอื่น เช่น เดินทางไกล ตะลุ่ยด่าน และ 
กิจกรมมรอบกองไฟ 
และการเข้าค่ายรั้งนี้ก็ผ่านไปด้วยดีโดยที่ไม่มีใครบาดเจ็บเป็นอันตราย 
การเข้าค่ายครั้ง ทำให้มีความสุขและสนุกไปกับการเข้าค่ายมากค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2559



วันวิชาการ

      ได้มีการทำบุญตั้งบาตรกันในตอนเช้า และมีกิจกรรมให้นักเรียนได้ร่วมสนุกกัน และมีวงดนตรีของรุ่นพี่มาเล่นดนตรีให้ฟัง และมีพี่สิทธิเก่ามาร้องเพลงให้ฟัง

ความประทับใจ : อยากให้มีกิจกรรมนี้ต่อไปอีกเลื่อยๆ และอยากให้มีดนตรีหรือเพลงเปิดฟังเบาๆตลอดงาน

วันพฤหัสบดีที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2559

เกาะเสม็ด

เกาะเสม็ด หรือเกาะแก้วพิสดาร           ตั้งอยู่ในเขตตำบลเพ อ.เมือง จ.ระยอง อยู่ห่างจากฝั่งบ้านเพประมาณ 6.5 กิโลเมตร สภาพของเกาะเสม็ด มีสันเขา เป็นแนวยาว จากตัวเกาะด้านเหนือมาทางใต้ ส่วนฝั่งตะวันตก ของเกาะ เป็นหน้าผาสูง และลาดชันลงสู่ฝั่งตะวันออก ที่มีชายหาดเว้า ทำให้เกิดชายหาด ที่สวยงามหลายแห่ง ซึ่งส่วนใหญ่ จะอยู่ทางด้านเหนือ และตะวันออก ของเกาะเสม็ด เกาะเสม็ด เป็นเกาะที่มีความสำคัญ ในประวัติศาสตร์ของวรรณกรรมไทย ในยุคต้น ของกรุงรัตนโกสินทร์ ดังปรากฏในวรรณคดีไทย เรื่อง พระอภัยมณี ซึ่งเป็นกวีนิพนธ์ ของกวีเอกของไทย นามสุนทรภู่ โดยเกาะเสม็ด ได้รับการขนานนาม ในกวีนิพนธ์ ว่า "เกาะแก้วพิศดาร" ซึ่งอาจจะมีที่มาจาก หาดทรายบนเกาะเสม็ด ที่ขาวปานแก้ว อยู่ทั่วไปก็ได้ ส่วนสาเหตุที่เกาะแห่งนี้ ได้ชื่อว่า เกาะเสม็ด ก็เพราะว่า เกาะแห่งนี้ มีต้นเสม็ดขาว และเสม็ดแดง ขึ้นอยู่มาก ชาวบ้าน นำมาใช้เป็นไต้จุดไฟ ทำให้เกาะแห่งนี้ ได้ชื่อว่าเกาะเสม็ด จากสาเหตุนี้เอง
 
รูปร่างของเกาะเสม็ด มีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยม ยาวประมาณ 6 กิโลเมตร ส่วนที่กว้างที่สุด ของเกาะเสม็ด กว้างประมาณ 3 กิโลเมตร ส่วนที่แคบที่สุด อยู่บริเวณ อ่าวกิ่วนอก - อ่าวกิ่วใน ซึ่งกว้างประมาณ 100 เมตร

จุดเด่นที่น่าสนใจ :


 อ่าวน้อยหน่า
บริเวณอ่าวน้อยหน่านี้ เหมาะสำหรับผู้ที่รักความเงียบสงบ และเป็นส่วนตัว ถึงอ่าวน้อยหน่า จะอยู่ใกล้หาดทรายแก้ว แต่ความพลุกพล่านเรียกว่าต่างกัน เหมือนอยู่คนละเกาะ ใครที่ชอบความเงียบสงบ อ่านหนังสือ อาบแสงแดดเคล้าน้ำทะเล บริเวณนี้มีหาดทรายที่สะอาด พอที่จะเล่นน้ำได้อย่างสบายใจ  อ่าวกลาง
บริเวณอ่าวกลางนี้ เป็นที่ตั้งของชุมชนหมู่บ้านเกาะเสม็ด และเป็นที่ตั้งของท่าเรือ บริเวณนี้ ไม่ค่อยจะมีหาดทรายสวยๆ ให้ลงเล่นน้ำมากนัก แต่เหมาะที่จะมาฝากท้องทานอาหาร กับร้านอาหาร บริเวณท่าเรือ มีอยู่หลายร้านให้เลือก สนนราคา เรียกว่า ถูกที่สุดบนเกาะเสม็ดก็ว่าได้  อ่าวป่าช้า
พื้นที่บริเวณอ่าวป่าช้านี้ แต่ก่อนราวๆ 40-50 ปี ที่แล้วเป็นสถานที่ฝังศพของชาวเกาะเสม็ด แต่ในปัจจุบันนี้ บริเวณนี้ไม่มีการฝังศพอีกแล้ว ส่วนป่าช้าเก่าที่ว่านี้ ได้รับการฌาปนกิจเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ดี พื้นที่บริเวณนี้ ก็ไม่มีหาดทรายสวยๆ ให้เล่น จะมีก็แต่แนวโขดหิน ให้ปีนป่าย หรือถ้าใครชอบตกปลาโขดหิน บริเวณนี้ก็เหมาะทีเดียว สำหรับนักตกปลาทั้งหลาย ถ้าชอบแค้มปิ้งที่บริเวณนี้ ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่า คุณกล้าพอหรือเปล่า แต่ถ้าให้ดี ไปพักที่อ่าวลูกโยนจะเหมาะกว่า
 
 อ่าวลูกโยนเป็นอีกอ่าวหนึ่งที่มีหาดทรายให้เล่นน้ำ ถึงไม่กว้างมากนัก ที่หาดทรายบริเวณอ่าวลูกโยน ค่อนข้างจะสงบเงียบ ไม่พลุกพล่าน นักท่องเที่ยวบางกลุ่มเลยดูจะชอบมาพัก ที่อ่าวลูกโยนกัน ถ้าคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่ชอบความสงบ อ่าวลูกโยน ก็เป็นอีกแห่งหนึ่งที่ขอแนะนำ  แหลมใหญ่
บริเวณนี้เหมาะ ที่จะชมพระอาทิตย์ขึ้นมากที่สุด เพราะเป็นแหลมหัวเกาะ และมีเนินเขาเตี้ยๆ ที่พอจะอาศัยเป็นที่ชมพระอาทิตย์ขึ้นได้ หรือจะเลือกวิวถ่ายรูปสวยๆ บริเวณโขดหินก็เหมาะดี



หาดทรายแก้ว
ชายหาดที่คุ้นหู ที่สุดของนักท่องเที่ยว ที่มาถึงเกาะเสม็ด ถ้าคุณเป็นนักท่องเที่ยว ที่ชอบความหลากหลาย หาดทรายแก้ว เป็นอีกหนึ่งหาด ที่คุณจะชอบ เพราะหาดนี้ไม่เคยหลับ เรียกว่า ตอนเช้าเล่นน้ำทะเล กลางวันอาบแดด ตอนเย็นชมพระอาทิตย์ตก พอค่ำหน่อยก็ดื่มกินอาหาร หรือจะมีแอลกอฮอล์นิดหน่อย เคล้าแสงจันทร์ก็ดูไม่เลว มีกิจกรรมให้ทำ ทั้งวันที่หาดทรายแก้ว เหมาะสำหรับคนขี้เหงา และชอบความพลุกพล่าน ของผู้คน ที่หาดนี้ เป็นแหล่งรวมของเครื่องเล่นกีฬาทางน้ำ ทุกประเภท ที่มีบนเกาะทั้งเจ็ทสกี บานาน่าโบต เรือใบ ฯลฯ เอาเป็นว่า หาดนี้ หาดเดียวกับวันพักผ่อนหรือ วันหยุดสุดสัปดาห์ ก็ทำให้คุณลืมเวลาได้ไม่ยากข้อแนะนำ: สำหรับนักท่องเที่ยว ที่รักความสะดวกสบาย ที่หาดทรายแก้ว มีบ้านพักหลายประเภทให้เลือก ในสนนราคาที่ขึ้นอยู่กับว่า มีออฟชั่นอย่างแอร์ พัดลม ตู้เย็น มีให้เพียบพร้อมขนาดไหน 
 อ่าวไผ่อ่าวไผ่มีชายหาด ที่ติดกับหาดทรายแก้ว คั่นกันแค่โขดหิน ไม่ใหญ่นัก นักท่องเที่ยวส่วนมาก จะเหมาเดินเที่ยว หาดทรายแก้ว ไล่ไปจนถึงอ่าวไผ่ แล้วเดินย้อนกลับมา ใช้เวลาไม่มากนัก ที่อ่าวไผ่ บริเวณโขดหิน มีวิวที่สวยงาม เหมาะที่จะอาบแดด ถ่ายรูป ฯลฯ หาดทรายบริเวณอ่าวไผ่ ก็เป็นอีกแห่งหนึ่ง ที่จะเห็นนักท่องเที่ยว ชาวต่างชาติ มานอนอาบแดดกัน ถ้าหาที่ว่างที่หาดทรายแก้วไม่ได้ อ่าวไผ่นี่แหละ บรรยากาศคล้ายๆ กัน ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ สำหรับนักท่องเที่ยว อย่างเราๆ 
ข้อแนะนำ: สำหรับนักท่องเที่ยว ที่มาเล่นน้ำที่อ่าวไผ่ จะมีจุดน้ำวนอยู่ ไม่ควรลงเล่นน้ำที่บริเวณนั้น (สังเกตได้จากธงสีแดง ที่ปักอยู่)  อ่าวพุทรา
อ่าวเล็กๆ ที่เงียบสงบ ไม่ค่อยจะมีนักท่องเที่ยว มาส่งเสียงรบกวนสักเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะว่าหาดนี้ เป็นหาดเล็กๆ เดินแป๊บเดียวก็ทั่ว นักท่องเที่ยว ชาวไทย เลยไม่ค่อยจะสนใจ แต่สำหรับชาวต่างชาติแล้ว อ่าวพุทรา เป็นเหมือนกับที่พักผ่อนโดยแท้ ถ้ามาที่อ่าวนี้ ภาพที่เห็นจนชินตาคือ นักท่องเที่ยว นั่งบ้าง นอนบ้าง อ่านหนังสือ อาบแดด จิบกาแฟ เหมือนกับไม่ได้มาเที่ยวทะเลอย่างนั้นแหละ  อ่าวทับทิม
อ่าวเล็กๆ ที่มีพื้นที่ติดกันหรือ จะเรียกว่าเป็นพื้นที่เดียวกับอ่าวพุทราก็ว่าได้ รวมๆ แล้ว ก็เป็นอ่าวเล็กๆ ที่เงียบสงบน่าพัก สำหรับหาดทรายและสถานที่เล่นน้ำทะเลแล้ว ที่อ่าวทับทิม เรียกว่าสะอาดพอสมควร ที่อ่าวทับทิม เป็นอีกอ่าวหนึ่งที่น่าพักผ่อนในวันหยุด


MINI SIAM


            
























ความประทับใจ : ตลอดการเดินทางไป MINI SIAM นั้น ได้มีการแวะทานอาหารที่แกลงกันและต่อจากนั้นพวกเราก็เปิดเพลงฟังกันเบาๆสบายๆกันและร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน  พอไปถึง MINI SIAM พวกเราก็ได้ไปถ่ายภาพกันมากมายเป็นที่ระทึกและได้เห็นเมืองจำลองต่างๆมากมายและเป็นสถานที่ที่สำคัญของแต่ละประเทศ



AMAZING ART


ความประทับใจ : การเดินทางไปที่ AMAZING ART นั้นเราเดินทางหลังจากการไป MINI SIAM และเราได้ไปทานข้าวที่ AMAZING ART กัน และได้ไปถ่ายรูปที่เป็นรูป 3มิติ และรูป 4มิติ และเป็นภาพที่สวยมากและเป็นภาพที่มีศิลปะในการวาดภาพเป็นอย่างมาก