วันจันทร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

           วันลอยกระทง



        วันลอยกระทง เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของชาวไทย ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติไทย ตามปฏิทินจันทรคติล้านนา มักจะตกอยู่ในราวเดือนพฤศจิกายน ตามปฏิทินสุริยคติบางปีเทศกาลลอยกระทงก็จะมาตรงกับเดือนตุลาคมด้วย เช่นปีพ.ศ. 2544วันลอยกระทงปีนั้นตรงกับวันที่31ตุลาคมและจะมาตรงกันอีกครั้งในปีพ.ศ. 2563 ประเพณีนี้กำหนดขึ้นเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์และขอขมาต่อพระแม่คงคา บางหลักฐานเชื่อว่าเป็นการบูชารอยพระพุทธบาทที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมทามหานที และบางหลักฐานก็ว่าเป็นการบูชาพระอุปคุตอรหันต์หรือพระมหาสาวก สำหรับประเทศไทยประเพณีลอยกระทงได้กำหนดจัดในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่ติดกับแม่น้ำ ลำคลอง หรือ แหล่งน้ำต่าง ๆ ซึ่งแต่ละพื้นที่ก็จะมีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจแตกต่างกันไป นอกจากนี้บางประเทศก็มีเทศกาลลอยกระทงด้วย เช่น ประเทศลาวมักจะลอยกระทงในวันออกพรรษา(ขึ้น15ค่ำ เดือน11)ในงานไหลเฮือไฟของลาว ประเทศกัมพูชา มีการลอยกระทง 2 ครั้ง คือลอยกระทงของหลวงกลางเดือน 11 ส่วนราษฎรทำกระทงเล็กและบรรจุอาหารไปด้วย ส่วนกลางเดือน 12 จะมีกระทงของหลวงเป็นกระทงใหญ่ ราษฎรจะไม่ได้ทำและกระทงนี้จะมีอาหารบรรจุลงไปด้วย โดยมีคติว่าเพื่อส่งส่วนบุญไปให้เปรต เทศกาลน้ำจะมีการเฉลิมฉลองด้วยการแข่งเรือยาว การแสดงพุลดอกไม้ไฟ จัดขึ้นทุกปีตั้งแต่วันขึ้น 14 ค่ำ 15 ค่ำ จนถึงแรม 1 ค่ำ เดือนพฤศจิกายน ประเทศเมียนมาร์ ในวันลอยกระทง ผู้คนจะพากันทำ "กระทง" ตกแต่งเป็นรูปคล้ายดอกบัวบาน ปักธูปเทียน และนิยมตัดเล็บ เส้นผม หรือใส่เหรียญกษาปณ์ลงไปในกระทง แล้วนำไปลอยในสายน้ำ (ในพื้นที่ติดทะเล ก็นิยมลอยกระทงริมฝั่งทะเล) เชื่อว่าเป็นการลอยเคราะห์ไป นอกจากนี้ยังเชื่อว่าการลอยกระทง เป็นการบูชาและขอขมาพระแม่คงคา

ประวัติ[แก้]

พลุเฉลิมฉลองในเทศกาลวันลอยกระทงริมแม่น้ำเจ้าพระยา
ประเพณีลอยกระทงเป็นประเพณีโบราณของอินเดียที่ประเทศไทยรับเข้ามาปฏิบัติ แต่ไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่า ทำกันมาตั้งแต่เมื่อไร เท่าที่ปรากฏกล่าวได้ว่ามีมาตั้งสมัยสุโขทัยเป็นราชธานี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสันนิษฐานว่า เดิมทีเดียวเห็นจะเป็นพิธีของพราหมณ์กระทำเพื่อบูชาพระผู้เป็นเจ้าทั้งสาม คือ พระอิศวร พระานารายณ์ และพระพรหม ต่อมาได้ถือตามแนวทางพระพุทธศาสนามีการชักโคมเพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุพระจุฬามณีในชั้นดาวดึงส์ และลอยโคมเพื่อบูชารอยพระพุทธบาท ซึ่งประดิษฐาน ณ หาดทรายแม่น้ำนัมมทา (แม่น้ำนัมมทา เป็นแม่น้ำที่คู่ขนานกับทิวเขาวินธัย ไหลลงภาคตะวันตกของอินเดียแบ่งเขตอินเดียออกเป็นภาคเหนือและภาคใต้) ตำนานที่หาหลักฐานยืนยันมิได้ กล่าวไว้ว่าในรัชสมัยพ่อขุนรามคำแหง มีนางนพมาศหรือท้าวศรีจุฬาลักษณ์ เป็นผู้ประดิษฐ์กระทงขึ้นครั้งแรก โดยแต่เดิมเรียกว่าพิธีจองเปรียง ที่ลอยเทียนประทีป และนางนพมาศได้นำดอกโคทม ซึ่งเป็นดอกบัวที่บานเฉพาะวันเพ็ญเดือนสิบสองมาใช้ใส่เทียนประทีป[ต้องการอ้างอิง] ดังปรากฏในตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์กล่าวถึงพระดำรัสของพระร่วงว่า "แต่นี้สืบไปเบื้องหน้า โดยลำดับกษัตริย์ในสยามประเทศ ถึงกาลกำหนดนักขัตฤกษ์ วันเพ็ญเดือน 12 ให้ทำโคมลอยเป็นรูปอดกบัว อุทิศสักการบูชาพระพุทธบาทนัมมทานทีตราบเท่ากัลปาวสาน แต่ปัจจุบันมีหลักฐานว่าไม่น่าจะเก่ากว่าสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยอ้างอิงหลักฐานจากภาพจิตรกรรมการสร้างกระทงแบบต่างๆ ในสมัยรัชกาลที่1 จากนั้นในสมัยรัชกาลที่2 ได้เปลี่ยนแปลงจากการทำจากดอกบัวเป็นต้นกล้วยเพราะดอกบัวดังกล่าวหายากและมีน้อยจึงใช้ต้นกล้วยทำแทนแล้วดูไม่สวยจึงใช้ใบตองมาพับแต่งจนสวยในที่สุดจนสืบทอดมาจนปัจจุบันนี้
มินเนี่ยน





มินเนียน สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว ตัวสีเหลือง พวกเขาวิวัฒนาการขึ้นมาจากเซลล์เล็กๆ เพียงเซลล์เดียวตั้งแต่อดีตกาล พวกเขาทั้งเล็ก แถมมีนิสัย และรูปแบบการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขามีเหมือนกัน คือพวกเขาต้องการรับใช้จอมวายร้ายสุดแสบทุกราย แต่ให้หลังจากการทำลายหัวหน้าของพวกเขาสารพัด ไม่ว่าจะเป็น ทีเร็กซ์ เจงกีส ข่าน นโปเลียน และแดรกคูลา พวกเขาตัดสินใจที่จะหลีกหนีความวุ่นวายและทำให้หายไปจากโลกนี้ด้วยการไปใช้ชีวิตตามลำพังที่แอนตาร์กติกา
แต่พวกเขากลับพบว่า เมื่อไปใช้ชีวิตแบบนั้นมันทำให้พวกเขาไม่มีความสุขในชีวิตเลย ในปี 1968 (42 ปี ก่อนพบเฟลูเนียส กรู) เควิน หนึ่งในมินเนียนได้ตัดสินใจที่จะออกเดินทางค้นหาจอมวายร้ายเพื่อคืนความสุขให้กับพวกมินเนียนอีกครั้ง เขาตัดสินใจรวมทีมกับ สตวร์ท มินเนียนแรกหนุ่ม และ บ็อบ เด็กน้อยผู้น่ารัก เพื่อร่วมออกเดินทางในครั้งนี้ด้วย จนกระทั่งไปพบกับ สการ์เล็ต โอเวอร์คิลล์ (ซานดรา บุลล็อก) จอมวายร้ายหญิงยอดนิยมในยุคนั้นภายในงานชุมนุมจอมวายร้าย 1968 สการ์เล็ต ตัดสินใจจ้างทั้งสามคนเข้าทำงานในฐานะลูกสมุนใหม่ แต่ความปั่นป่วนของลูกสมุนชุดนี้ ทำให้สการ์เล็ตแอบวางแผนอะไรบางอย่างโดยที่พวกเขาไม่รู้ในระหว่างการเดินทางรอบโลกจนกระทั่งถึงที่หมายสุดท้ายคือ ลอนดอน ที่ๆ พวกเขาจะได้รับใช้สการ์เล็ตในครั้งสุดท้าย ก่อนจะถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จนสิ้นซาก

นักพากย์




เกาะเสม็ด





เกาะเสม็ด เที่ยวเกาะเสม็ด ที่พักเกาะเสม็ด

        เกาะเสม็ด ห่างจากฝั่งบ้านเพ ประมาณ 6 กม. ใช้เวลานั่งเรือไปยังเกาะเสม็ดประมาณ 30 นาทีถึง ท่าเรือหน้าด่าน บนเกาะเสม็ด จากนั้น นักท่องเที่ยวสามารถเลือกเดินทางโดยรถสองแถว หรือ เช่ามอเตอร์ไซค์ ไปแต่หาด เช่นอ่าวน้อยหน่า อ่าวลูกโยน หาดทรายแก้ว อ่าวไผ่ อ่าวทับทิม อ่าวช่อ อ่าวตะวัน อ่าววงเดือน อ่าวเทียน อ่าวหวาย อ่าวกิ่ว อ่าวกะรังซึ่งอยู่ปลายสุด และที่พลาดไม่ได้กับอ่าวพร้าว เป็นเพียงอ่าวเดียวที่อยู่ตะวันตกของเกาะเสม็ด สามารถชมพระอาทิตย์ตกได้ที่ อ่าวพร้าวแห่งนี้.
การเดินทางไปเกาะเสม็ดนั้น ไม่ยุ่งยากเหมือนเมื่อก่อน นักท่องเที่ยวควรสำรองที่พักไว้ล่วงหน้า มิฉะนั้นคงเสียเวลากะเตงกระเป๋าไปหาห้องพักเหนื่อยแน่ แต่ละหาดอยู่ห่างไกลกันมากทีเดียว
สำหรับผู้ที่มีเวลามากหน่อย ผมมีเกาะฝาแฝดกับเกาะเสม็ด แนะนำ เกาะช้าง เกาะกูด และ เกาะหมาก ความเป็นธรรมชาติจะมีมากกว่า
คนไทยแล้วจากสถิติ อายุ 25+ ชอบ หัวหินมากกว่า อาจเป็นเพราะเบื่อนั่งเรือ มีรถยนต์อยู่เดินทางสะดวกหน่อย ขับรถปู๊ดเดียวถึงหัวหินเลย แต่ยังไงเกาะเสม็ดก็ยังเป็นขวัญใจวัยรุ่น 17-20 ต้นอยู่เลือกราคาถูกเข้าว่า ชอบเฮอา ไม่เน้นบริการ
โปรแกรมทัวร์เกาะเสม็ด ที่จะพาทุกคนไปยังแหล่งท่องเที่ยวภายในเกาะเสม็ด พร้อมกับล่องเรือ ดำน้ำ ดูปะการัง ในบริเวณรอบๆหาดต่างๆ โดยมีโปรแกรมทัวร์ดังนี้
ผมทำลิงค์ไว้เฉพาะสำหรับเรื่องราวต่างๆ บนเกาะเสม็ด ท่านสามารถติดต่อสอบถามได้ใน comments หรือ review ด้านล่างในแต่ละ page ข้างล่างนี  

วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559


เข้าค่ายลูกเสือ




          การเข้าค่ายลูกเสือ เป็น การฝึกทักษะการใช้ชีวิตแบบเข้าค่าย  
ในการเข้าค่ายครั้งนี้ ทำให้ได้ฝึก การใช้ชีวิตเข้าค่ายและยัง ได้เพื่อนจากต่างห้อง 
และได้ทำกิจกรมมร่วมกับห้องอื่น เช่น เดินทางไกล ตะลุ่ยด่าน และ 
กิจกรมมรอบกองไฟ 
และการเข้าค่ายรั้งนี้ก็ผ่านไปด้วยดีโดยที่ไม่มีใครบาดเจ็บเป็นอันตราย 
การเข้าค่ายครั้ง ทำให้มีความสุขและสนุกไปกับการเข้าค่ายมากค่ะ